ช็อคกันทั่วโลก!! ครั้งหนึ่งมหานครนิวยอร์ก เคยเป็นดินแดนสุดสยองของโลก…

19

ช็อคกันทั่วโลก!! ครั้งหนึ่งมหานครนิวยอร์ก เคยเป็นดินแดนสุดสยองของโลก…


“นิวยอร์ก” มหานครระดับโลก คือเมืองชั้นแนวหน้าของประเทศสหรัฐอเมริกา มีความเจริญทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีต่างๆ เป็นเมืองใหญ่ที่ถือได้ว่ามีความเพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบเป็นอันดับต้นๆของโลกเลยก็ว่าได้ แต่ใครจะรู้ว่าในอดีตมหานครแห่งนี้เคยอยู่ในจุดที่ตกต่ำและเลวร้ายมาก่อน!!

 

โดยย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1970 นิวยอร์กในตอนนั้น เป็นอะไรที่แตกต่างจากปัจจุบันนี้อย่างสิ้นเชิง ในเมืองเต็มไปด้วยยาเสพติด โสเภณี และสิ่งผิดกฎหมาย!! หมีขาวเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะแย่และเสื่อมได้ถึงขนาดนั้น!! จะดาร์กสุดๆขนาดไหน ต้องพิสูจน์ด้วยตาของคุณเอง!!

ในปี 1976 ตำรวจได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาที่ลักลอบค้าประเวณีได้ถึง 2,383 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 15-20 ปี รวมอยู่ถึง 1,165 คน



นี่คือโรงแรมที่มีโสเภณีอายุแค่เพียง 15 ปี ถูกฆ่าตาย!! ในยุคนั้นนิวยอร์กมีคนลักลอบขายบริการสูงถึง 40,000 หมื่นคน



ภาพของมาดาม Mayflower หรือชื่อจริงของเธอคือ Sydney Biddle Barrows กำลังฉลองด้วยแชมเปญ หลังจากที่เธอโดนข้อหาส่งเสริมและสนับสนุนการค้าประเวณี แต่เธอโดนลงโทษแค่เพียงเสียค่าปรับ 5,000 ดอลล่าร์ และไม่ถูกจับกุมใดๆทั้งสิ้น



ในยุคนั้นอุตสาหกรรรมเกี่ยวกับเรื่องเพศ ไม่ว่าจะเป็นหนังโป๊ อาบอบนวด หรือโชว์เปลือย สามารถทำกันได้อย่างโจ่งแจ้ง



การระบาดของสารเสพติดจำพวกเฮโรอีนรุนแรงมากในสมัยนั้น โดยมีคนที่ใช้สารเสพติดชนิดนี้ถึง 2 แสนคน!!



ในปี 1980 เมืองนิวยอร์กเต็มไปด้วยแหล่งมั่วสุมยาเสพติดกระจายอยู่ทั่วทั้งเมือง



Frank Serpico (ชายที่มีเครา) คือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังแถลงหลักฐานในชั้นศาล เกี่ยวกับกรณีของเหล่าเจ้าหน้าที่กังฉินที่ทำผิดกฎหมาย ทั้งเรื่องการใช้สารเสพติด ติดสินบน และซื้อบริการในขณะที่เป็นเวลาปฏิบัติงานอยู่



มีการเลิกจ้างงานสูงถึง 5 หมื่นคน ในปี 1975 จากนั้นอีก 5 ปี อัตราการเพิ่มขึ้นของอาชญากรถึง 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ขณะเดียวกันก็มีการเลิกจ้างตำรวจ ทำให้อาชีพนี้มีอัตราลดลงถึง 34 เปอร์เซ็นต์



วิกฤติทางการเงินในปี 1977 นำไปสู่การก่อการร้าย ปล้นร้านค้า และลอบวางเพลิงตามสถานที่ต่างๆ



ร้านค้ากว่า 1,600 แห่งทั่วเมืองนิวยอร์กถูกปล้น!! ซึ่งสร้างความเสียหายรวมแล้วเป็นเงินถึง 300 ล้านเหรียญสหรัฐ



ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ตำรวจสามารถจับกุมผู้ร้ายได้ถึง 3,700 คน!!



David Berkowitz หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Son of Sam” ฆาตกรต่อเนื่องสุดโหด!! เขาได้ฆ่าคนตายไป 6 คน และทำร้ายร่างกายคนถึง 7 คน ในช่วงระยะเวลา 13 เดือน



พ่อลูกคู่นี้ได้สูญเสีย Etan Patz ลูกชายและน้องชายอีกคนหนึ่งของพวกเขาไปตลอดกาล โดย Etan ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะที่เขากำลังเดินไปโรงเรียน



ปัญหาด้านเศรษฐกิจของนิวยอร์กในขณะนั้นมีผลกระทบต่อทุกอย่าง แม้กระทั่งการขนส่งและคมนาคมก็ยังถูกตัดงบประมาณ จึงทำให้ไม่มีเงินในการซ่อมบำรุง



ในรถไฟเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีการก่ออาชญากรรมเกิดขึ้นมากที่สุด



ตำรวจกำลังจับชายคนนี้ เนื่องจากเขาได้ออกมาประท้วงการปรับขึ้นของราคาค่าโดยสารรถไฟ ที่ปรับตัวขึ้นแบบสูงสุดๆ จาก 35 เซนต์ เป็น 50 เซนต์!!



Bernhard Goetz ชายผู้นี้ได้ทำการปล้นและยิงวัยรุ่น 4 คนจนตายในรถไฟ จากเหตุการณ์นี้ได้สร้างความหวาดหวั่นให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก



 

ตำรวจกำลังควบคุมตัว Jason Ladone 1 ใน 4 วัยรุ่น ที่ได้ก่อคดีฆาตกรรมนาย Michael Griffith ชาวตรินิแดดจนตาย



หญิงสาวรายหนึ่งถูกข่มขืนและทำร้ายจนตายในสวนสาธารณะ Central Park โดยฝีมือของวัยรุ่น ผิวสี 4 คน และชายชาวสเปนอีก 1 คน ซึ่งต่อมาภายหลัง ชายคนนี้ถูกตัดสินว่าเขาไม่มีความผิด



โปสเตอร์ภาพยนตร์ที่สะท้อนและเสียดสีสังคมนิวยอร์กในยุคนั้น



ภาพของกราฟแสดงจำนวนการเกิดอาชญากรรมในปีต่างๆ โดยปี 1990 เป็นปีที่พีคที่สุด!!



ภาพนี้เป็นภาพที่ระลึกถึง Brian Watkins ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกฆ่าตายจากการที่เขาพยายามจะปกป้องครอบครัวจากการถูกทำร้ายในรถไฟ



ในปี 1990 สหรัฐได้ใช้งบประมาณเป็นจำนวนถึง 1.8 พันล้านเหรียญ ในการจ้างตำรวจเพิ่ม เพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรมที่มีมากในขณะนั้น



พิธีสาบานตนเพื่อเข้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจของนาย Lee Brown (คนทางซ้าย) หลังจากนั้นอีก 1 ปี ภายหลังที่เขาปฏิบัติหน้าที่ ก็พบว่าจำนวนของการเกิดอาชญากรรมก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง



Mayor Rudy Giuliani ผู้ที่ชนะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในสมัยนั้น เขาได้เปลี่ยนร่างกฎหมาย และเพิ่มบทลงโทษในการทำผิดต่างๆให้รุนแรงมากขึ้น



ในปี 2001 อาชญากรรมในนิวยอร์กลดลงไปถึง 56 เปอร์เซนต์ และมีการกวาดล้างยาเสพติดอย่างหนัก ส่งผลทำให้เศรษฐกิจและสังคมพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมาก



ที่มา: meekhao.com

ไม่มีความคิดเห็น :

ขับเคลื่อนโดย Blogger.