แฟนหนุ่มว่าที่คู่หมั้น คืนก่อนวันงานนัดสาวไป กันถึงโรงแรม แถมเขายังทำกับฉันแบบนี้!?


แฟนหนุ่มว่าที่คู่หมั้น คืนก่อนวันงานนัดสาวไป กันถึงโรงแรม แถมเขายังทำกับฉันแบบนี้!?


แฟนหนุ่มว่าที่คู่หมั้น คืนก่อนวันงานนัดสาวไป…กันถึงโรงแรม แถมเขายังทำกับฉันแบบนี้ ?!!

ถ้าคืนก่อนงานหมั้นของคุณ คุณกลับพบว่าในมือถือของคู่หมั้นมีข้อความ SMS นิรนามจากใครก็ไม่รู้ แถมข้อความในนั้นยังเขียนถึงการนัดที่มีจุดประสงค์เพื่อการทำเรื่องอย่างว่าอีก คุณจะยังหมั้นกับเขาอยู่มั้ย?! มีชาวเน็ตท่านหนึ่งได้โพสแบ่งปันเรื่องราวความเจ็บปวดในชีวิตของเธอลงบน D-card ในขณะนั้นเธอเลือกที่จะเก็บงำความลับนั้นเอาไว้ภายในใจ สุดท้าย…



สุภาพสตรีท่านนี้ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย จนมาพบกับข้อความ SMS นี้เข้า โดยผู้หญิงคนนั้นเป็นคนเริ่มการสนทนานี้โดยพิมพ์ข้อความว่า “วันนี้เจอกันสักหน่อยมั้ย?!” ฉันพอจะเดาสถานการณ์นี้ได้ว่าพวกเขาทั้งคู่เคยแอบได้เสียกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อสองอาทิตย์ก่อนพวกเขายังเพิ่งนัดกันไปโรงแรมมาหมาดๆ แต่ครั้งที่แล้วคู่หมั้นของฉันเป็นคนเริ่มชวนเธอออกมาเอง ผู้หญิงคนนั้นเธอไม่ใช่สาววัยรุ่นทั่วไป แต่ความจริงเธอได้แต่งงานแล้ว แถมตอนนี้เธอมีลูกแล้วถึง 3 คน ฉันผิดหวังในตัวคู่หมั้นของฉันจริงๆ



หลังจากที่เธอได้อ่านข้อความในโทรศัพท์ของเขา เธอผิดหวังและเสียใจมากจนสั่นไปทั้งตัว ทั้งเกลียดและขยะแขยงในตัวเขามาก พร้อมกับฝืนใจตัวเองกลั้นน้ำตาเอาไว้ เธอยังกล่าวอีกว่าในช่วงเวลานั้นเธออยากจะประชดชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่พอคิดถึงลูกในท้อง เธอก็ทำไม่ลงจริงๆ เธอเลยตัดสินใจที่จะหมั้นกับเขาต่อไป ทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น



พอถึงวันหมั้น เธอฝืนยิ้มด้วยความขื่นขม แถมยังฝืนใจตัวเองจับมือกับคู่หมั้น โดยไม่มีใครรู้เลยว่าคืนก่อนวันหมั้นนั้นเธอร้องไห้หนักขนาดไหน หลังจากงานเสร็จสิ้น เธอไม่ได้พูดอะไรสักคำ เธอค่อยๆหยิบหลักฐานขึ้นมาเปิดให้ว่าที่สามีของเธอดู แต่เขากลับทำหน้าตาเฉยเมยพร้อมพูดแค่คำว่า “ขอโทษ”



ในตอนนั้นเธอยังคงจดทะเบียนสมรสและแต่งงานกับเขาแต่โดยดี เมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่นาน เธอก็จับได้ถึงการถูกสวมเขาอีกครั้ง โดยครั้งนี้เธอตัดสินใจหย่ากับเขาและขอเป็นคนเลี้ยงลูกไว้เอง แม้เรื่องนี้จะผ่านมาแล้วกว่าครึ่งปี แต่ความเจ็บปวดของเธอก็ไม่เคยลดลงเลย เธอไม่รู้เหมือนกันว่าถ้ามีคนดีๆเข้ามาในชีวิตของเธอ เธอจะเปิดใจยอมรับคนใหม่ที่เข้ามาได้หรือไม่

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากที่เธอข้ามผ่านเรื่องราวสุดเลวร้ายที่สุดในชีวิตไปได้ แต่เราก็ขอเป็นกำลังใจให้เธอก้าวต่อไป โดยเชื่อว่าวันข้างหน้าชีวิตของเธอจะต้องดีกว่านี้อย่างแน่นอน

ที่มา liekr , manezi

ไม่มีความคิดเห็น :

ขับเคลื่อนโดย Blogger.